วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไอบีเอ็มเผย5นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนชีวิตคนในอีก5ปีข้างหน้า



 

ไอบีเอ็มเผยรายงาน IBM 5 in 5 ฉบับล่าสุดกับ 5 นวัตกรรมเมื่อเราได้ก้าวสู่ยุคที่คอมพิวเตอร์สามารถรับรู้รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส ที่จะเปลี่ยนอนาคตการทำงาน การใช้ชีวิต และการติดต่อสื่อสารของคนเราในอีก 5 ปีข้างหน้า...  

สิ่งที่ไอบีเอ็มกล่าวไว้ในรายงาน IBM 5 in 5 "ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์"  ปีนี้ คือ นวัตกรรมคอมพิวติ้งที่ไอบีเอ็มเรียกว่า ระบบที่มีกระบวนการรับรู้ หรือ Cognitive Systems ที่จะทวีบทบาทและเป็นรากฐานสำคัญของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ที่สามารถเรียนรู้ ปรับตัว รับรู้ และสัมผัสโลกของเราในแบบที่เป็นอยู่ได้ ในอีก 5 ปีข้างหน้า คอมพิวเตอร์จะสามารถเลียนแบบประสาทสัมผัสของมนุษย์ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทุกปี นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาของไอบีเอ็มทั่วโลกจะร่วมกันศึกษาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ๆ และคาดการณ์แนวโน้มทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะมีอิทธิพลต่อสังคมและธุรกิจโลก โดยจัดทำเป็นรายงาน ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์นำออกเผยแพร่ทั่วโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว สำหรับปีนี้ นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มเน้นการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีก้าวล้ำที่จะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวและเลียนแบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ที่เป็นก้าวย่างสำคัญสู่ยุคสมัยใหม่ของคอมพิวติ้ง ที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเราในอนาคตอันใกล้นี้


การสัมผัส: คุณจะสามารถสัมผัสผ่านโทรศัพท์ของคุณ

ในอีก 5 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมต่างๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยความสามารถในการ สัมผัสผลิตภัณฑ์ผ่านอุปกรณ์พกพา  ว่าที่เจ้าสาวจะสามารถเลือกชุดแต่งงานได้โดยสัมผัสเนื้อผ้าซาตินหรือผ้าไหมที่ใช้ตัดเย็บรวมถึงผ้าลูกไม้ที่ใช้คลุมหน้าได้จากหน้าจอแทบเล็ต ขณะที่แม่บ้านจะสามารถสัมผัสลูกปัดหรือเส้นไหมที่ใช้ถักทอผ้าห่มผืนใหญ่ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมท้องถิ่นของชนพื้นเมืองในอีกซีกโลกหนึ่งได้ เพียงแค่ลากนิ้วผ่านหน้าจอโทรศัพท์

ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มกำลังใช้เทคโนโลยีการรับรู้โดยใช้แรงป้อนกลับ อินฟราเรด และความไวต่อแรงกด เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับธุรกิจค้าปลีก การแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ วัตถุทุกประเภทจะมีชุดรูปแบบของการสั่นไหวเฉพาะ ที่มอบประสบการณ์การสัมผัสสมจริงเวลาที่ผู้บริโภคลากนิ้วผ่านภาพสินค้าบนหน้าจออุปกรณ์พกพา เช่น การสั่นไหวสั้นๆ อย่างรวดเร็ว หรือการสั่นไหวที่แรงขึ้นและต่อเนื่องเป็นเวลานาน  รูปแบบการสั่นไหวนี้จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทางกายภาพของผู้บริโภคและช่วยจำแนกความแตกต่างระหว่างผ้าไหมกับผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ทำให้ผู้บริโภครู้สึกราวกับได้สัมผัสกับวัสดุนั้นจริงๆ ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยีนี้อย่างกว้างขวางในอนาคต จะส่งผลให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องมือที่เราใช้ปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบๆ ตัว


การมองเห็น: ภาพหนึ่งพิกเซลจะมีคุณค่ามากกว่าหลายถ้อยพันคำ
ข้อมูลจาก Digital Media Analysis, Search and Management workshop, 2/27-2/28, 2012  และ You Tube ระบุว่าเราถ่ายภาพ 500,000 ล้านภาพต่อปี และทุกๆ นาที เราอัพโหลดวิดีโอ 72 ชั่วโมงไปยัง YouTube  มูลค่าตลาดภาพเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ทั่วโลกก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะที่ทุกวันนี้ ข้อมูลส่วนใหญ่หรือเนื้อหาที่แท้จริงของภาพยังคงเป็นปริศนา เพราะคอมพิวเตอร์ยังมีเพียงความสามารถในการรับรู้จากข้อความหรือชื่อภาพที่เราตั้งให้เท่านั้น

ใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากระบบต่างๆ จะสามารถตรวจสอบและรับรู้เนื้อหาของรูปภาพตลอดจนข้อมูลภาพได้แล้ว ยังจะสามารถแปลงพิกเซลให้กลายเป็นความหมาย และเริ่มตีความได้เหมือนที่คนเราทำเวลามองดูรูปภาพ ความสามารถที่ เหมือนสมองนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์คุณลักษณะต่างๆ เช่น สี รูปแบบพื้นผิว หรือข้อมูลบริบท และกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากสื่อที่เป็นรูปภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ วงการแพทย์ ธุรกิจค้าปลีก และเกษตรกรรม

ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการ มองเห็นและได้รับการ ฝึกฝนนี้ จะช่วยแพทย์วิเคราะห์และกลั่นกรองรายละเอียดที่ลึกซึ้งหรือไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในภาพถ่ายทางการแพทย์ อาทิ ภาพถ่าย MRI ภาพจาก CT Scan ฟิล์มเอ็กซเรย์ และภาพอัลตราซาวด์ โดยจะช่วยแยกแยะความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อปกติกับเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ และเชื่อมโยงสิ่งที่ตรวจพบเข้ากับข้อมูลเวชระเบียนและเอกสารอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์จำนวนมหาศาล ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบปัญหาของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว


การได้ยิน: คอมพิวเตอร์จะได้ยินสิ่งที่สำคัญ
ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะจะตรวจจับองค์ประกอบของเสียงต่างๆ เช่น ความดันของเสียง ความสั่นสะเทือน ความอัดแน่นในเนื้อวัตถุ และคลื่นเสียงที่มีความถี่หลายระดับ ในแนวทางที่คล้ายกับกับสมองของมนุษย์  และนำ แบบแผนข้อเท็จจริงอื่นๆ ดังเช่นข้อมูลภาพหรือสัมผัส เข้ามาพิจารณาประกอบกันเพื่อจำแนกและแปลความหมายของเสียงเหล่านั้นตามแนวทางที่เคยได้รับรู้ ในกรณีที่ตรวจพบเสียงใหม่ๆ ระบบก็จะสรุปข้อมูลอ้างอิงที่มีอยู่ พร้อมใช้ความสามารถในการจำแนกแบบแผนต่างๆ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจความหมายของเสียงที่ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

เทคโนโลยีในการตรวจจับองค์ประกอบเสียงนี้ จะทำให้เราสามารถคาดการณ์เหตุอันตรายจากดินถล่มหรือต้นไม้ล้มในป่าเพื่อเตือนภัยได้อย่างทันท่วงที ทำให้พ่อแม่สามารถเข้าใจ เสียงพูดของทารกในรูปแบบของภาษา ตีความพฤติกรรมหรือความต้องการของเด็กทารก เช่น สิ่งที่เด็กทารกต้องการสื่อสารจากเสียงพูดอ้อแอ้ ความรู้สึกร้อน เหนื่อย หิว หรือเจ็บปวดจากเสียงร้องงอแง เป็นต้น โดยระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลเสียงเหล่านั้นเข้ากับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้สึกและสรีรศาสตร์อื่นๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร และอุณหภูมิร่างกาย

ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความสามารถในการวิเคราะห์น้ำเสียงและระดับเสียงสูง-ต่ำของคอมพิวเตอร์ จะช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก หรือแม้แต่สำเนียงที่ส่อถึงความลังเลในการสนทนาต่างๆ ช่วยให้เราสามารถปรับการสนทนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือปรับปรุงแนวทางการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการของเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการลูกค้า หรือช่วยให้การติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ ต่างภาษา และต่างวัฒนธรรมเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มได้เริ่มบันทึกระดับเสียงต่างๆ ใต้ผิวน้ำในบริเวณอ่าวกัลเวย์ ประเทศไอร์แลนด์ โดยใช้เซ็นเซอร์ใต้น้ำตรวจจับคลื่นเสียงและส่งไปทำการวิเคราะห์ที่ระบบรับข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเสียงและแรงสั่นสะเทือนของอุปกรณ์แปลงพลังงานคลื่น รวมถึงผลกระทบที่อุปกรณ์เหล่านี้มีต่อสัตว์ทะเล

การลิ้มรส: ปุ่มรับรสดิจิตอลจะช่วยให้คุณรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาดขึ้น
ในอีก 5 ปีข้างหน้า คอมพิวเตอร์จะสามารถใช้อัลกอริธึมเพื่อระบุโครงสร้างทางเคมีที่แม่นยำของอาหาร ปฏิกิริยาที่สารเคมีต่างๆ มีต่อกัน ความซับซ้อนทางโมเลกุลของสารประกอบที่ก่อให้เกิดรสชาติ โครงสร้างที่เชื่อมโยงโมเลกุลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน และสาเหตุที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบรสใดรสหนึ่งเป็นพิเศษ  ร่วมกับองค์ความรู้ด้านจิตวิทยาที่อธิบายรสชาติและกลิ่นที่มนุษย์ชื่นชอบ  จากนั้นจึงนำไปเปรียบเทียบกับสูตรอาหารหลายล้านสูตร เพื่อคาดการณ์รสชาติที่ดึงดูดใจตลอดจนสร้างส่วนผสมของรสชาติแบบใหม่ เช่น รสชาติของเกาลัดคั่วที่ปรุงร่วมกับบีทรูทต้มสุก ไข่ปลาคาเวียร์ และแฮมตากแห้ง เป็นต้น

ระบบดังกล่าวจะนำเสนอรูปแบบการจับคู่อาหารที่แปลกออกไป ทั้งยังช่วยสร้างประสบการณ์ของรสและกลิ่นที่ดีขึ้น ช่วยให้เราสามารถปรุงอาหารเพื่อสุขภาพที่มีรสชาติถูกปากและถูกโภชนาการยิ่งขึ้น การสร้างสรรค์รสชาติแปลกใหม่จะทำให้เราอยากกินผักลวกต้มมากกว่าแผ่นมันฝรั่งอบกรอบ สำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษในทางโภชนาการ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะช่วยพัฒนารสชาติและสูตรอาหารที่หวานถูกปากแต่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในขณะเดียวกัน


การดมกลิ่น: คอมพิวเตอร์จะสามารถดมกลิ่นได้
ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เซ็นเซอร์ขนาดจิ๋วในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือจะสามารถ ดมและจำแนกกลิ่นที่ปกติหรือผิดปกติ และวิเคราะห์ร่วมกับตัวบ่งชี้ทางชีวภาพและโมเลกุลนับพันในลมหายใจของเรา เพื่อบอกได้ว่าเรากำลังป่วยเป็นไข้หวัดหรือโรคอื่นๆ หรือไม่  เซ็นเซอร์นี้ยังจะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบ และวินิจฉัยอาการของโรคต่างๆ เบื้องต้นได้ อาทิ ความผิดปกติของตับและไต โรคหอบหืด โรคเบาหวาน และโรคลมบ้าหมู รวมทั้งทำให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์สภาพดินที่ใช้ในการเพาะปลูก ความสามารถของเทคโนโลยีในตรวจวัดข้อมูลในพื้นที่ที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน จะทำให้เราสามารถเข้าตรวจสอบปัญหาชุมชนแออัด สุขอนามัย และมลภาวะ เพื่อระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาร้ายแรง ขณะที่การใช้เครือข่าย “Mesh” ไร้สายจะช่วยให้เซ็นเซอร์สามารถรวบรวมและตรวจวัดข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีต่างๆ พร้อมเรียนรู้และปรับเข้าหากลิ่นใหม่ๆ ได้ในขณะเดียวกัน

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มได้เริ่มนำนวัตกรรมนี้ไปใช้ในการรับรู้สภาวะแวดล้อมและก๊าซเพื่ออนุรักษ์ผลงานศิลปะ  และประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาสุขอนามัยในสถานพยาบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ท้าทายที่สุดของแวดวงการแพทย์ ดังกรณีของเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus หรือ MRSA ที่มักพบทั่วไปบนผิวหนังและแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรง เชื้อนี้สามารถต้านทานยาเมธิซิลลินและเป็นสาเหตุในการคร่าชีวิตผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เกือบ 19,000 คน เมื่อปี 2548 ซึ่งต่อมาพบว่าวิธีหนึ่งที่สามารถใช้ในการต่อสู้กับเชื้อนี้ในสถานพยาบาลได้ คือ การกำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนปฏิบัติตามแนวทางการรักษาสุขอนามัยในสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด  แต่ในอีกห้าปีข้างหน้า เทคโนโลยีของไอบีเอ็มจะสามารถเข้ามาช่วย ดมพื้นผิวที่ผ่านการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และระบุว่าห้องนั้นๆ สะอาดพอแล้วหรือยัง โดยที่บุคลากรและผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อ


 

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation)

การแจก Tablets การให้อิสระกับทรงผม และการลดการบ้านในส่วนของนักเรียน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนทั่วไปรับรู้ผ่านสื่อสารมวลชน รวมทั้งการเพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทน และตำแหน่งที่สูงขึ้นของครูและบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานจนมากกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยและข้าราชการอื่นๆ ในกระทรวงศึกษาธิการ ล้วนเป็นกระบวนการของความพยายามที่จะทำให้เกิดคุณภาพทางการศึกษาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้เมื่อมีการจัดอันดับคุณภาพทางการศึกษาในประชาคมโลก

ปรากฏการณ์ต่างๆ ดังกล่าวที่รับรู้ได้นั้นเป็นเพียงส่วนย่อย (Atomistic) ของกระบวนการองค์รวม (Holistic) เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เนื่องจากคุณภาพการศึกษาเป็นเป้าหมายทางอุดมคติที่สูงมาก และต้องใช้กระบวนการบริหารจัดการที่ซับซ้อนเพื่อการดำเนินการให้เกิดคุณภาพทางการศึกษา จึงไม่อาจดำเนินการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วจะทำให้เกิดผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการตัดสินคุณค่าหรือการประเมินกระบวนการหรือส่วนย่อยต่างๆ เพียงส่วนเดียว ทั้งด้านบวกหรือด้านลบ ด้วยการใช้ความรู้ ประสบการณ์ สามัญสำนึก หรือใช้กระบวนการวิจัยก็ตาม จึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะส่งผลอ้างอิงไปถึงการยกระดับคุณภาพการศึกษาในองค์รวมได้

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพหรือ “Quality Teaching Innovation” เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากที่ประชุมโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา หรือ HERP (HERP = Higher Education Research Promotion) ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 มกราคม 2556 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (HERP เป็นโครงการภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้จัดสรรทุนวิจัยและทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกให้กับมหาวิทยาลัย 70 แห่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554) โดยมี ดร.พิศิษฐ์ วรอุไร นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นผู้ริเริ่มให้นำ นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพทดลองใช้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ที่ท่านเคยเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าว การเลือกมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งสามแห่งดังกล่าวสำหรับการเริ่มต้นโครงการ นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพเนื่องจากต้องการความร่วมมือจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยในการเริ่มต้น ประกอบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าวมีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของการเป็นโรงเรียนฝึกหัดครู และพัฒนามาสู่การเป็นวิทยาลัยครู และเป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปัจจุบันตามลำดับ
มหาวิทยาลัยราชภัฏจึงมีบุคลากรและองค์ความรู้สำหรับการสอนที่มีคุณภาพอยู่มาก นอกจากนั้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏยังมีความหลากหลาย มีนักศึกษาที่มีความสามารถทางสติปัญญาสูงจำนวนมากที่สามารถจะเรียนสาขาวิชาที่เป็นที่นิยม ในมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม แต่พวกเขาเหล่านั้นเลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเพราะเป็นมหาวิทยาลัยในถิ่นฐานของตน นอกจากนั้นยังมีนักศึกษาที่สนใจหลักสูตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏและตรงกับความต้องการ เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏมีหลักสูตรที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติได้จำนวนมาก มีความเป็น Comprehensive University มากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานไปศึกษาที่อื่น และประการสำคัญมากคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นสถานศึกษาของรัฐ มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาไม่มาก และมีศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทุกประการ จึงทำให้มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีความหลากหลายกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ จากเหตุผลหลักด้านบุคลากรและองค์ความรู้ทางด้านคุณภาพทางการสอน กับความหลากหลายของนักศึกษา จึงทำให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมีความเหมาะสมที่จะนำ นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพมาทดลองใช้เพื่อพัฒนาเป็นรูปแบบของการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏอื่นๆและสถาบันอุดมศึกษาต่างๆที่ต้องการนำไปพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนต่อไปได้

การสร้างนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ นอกจากจะเป็นสิ่งใหม่ตามความหมายของความเป็น นวัตกรรมในลักษณะต่างๆ แล้ว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่http://met.fte.kmutnb.ac.th/images/diffusion.pdf ) ยังต้องมีความสอดคล้องกับรูปแบบความสัมพันธ์ของคนในสังคมอีกด้วย นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ เป็นนวัตกรรมในรูปแบบของ ความคิดเชิงคุณภาพ” (Quality Thinking) ซึ่งเกิดจากกระบวนการสำคัญ 5 ขั้นตอน ได้แก่

1. ขั้นการสรุปบทเรียน (Lesson Learned) เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านการสอน จากการจัดกิจกรรมการสอน เทคนิคและวิธีการสอน สื่อการสอน และการวัดและประเมินผลที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏมาโดยตลอด ในขั้นตอนนี้บุคลากรที่เคยสร้างผลงานการสอนที่มีคุณภาพ หรือบุคลากรประจำการที่มากด้วยประสบการณ์ควรได้รับการเชิญมาร่วมกันทำการ สรุปบทเรียน

2. ขั้นการถอดบทเรียน (Lesson Distilled) เป็นการกลั่นกรององค์ความรู้ต่างๆ จากการสรุปบทเรียนและเชื่อมโยงกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งในรูปแบบของความสัมพันธ์ในสังคม วิถีชีวิตของอาจารย์และนักศึกษา เทคโนโลยีที่เหมาะสม ความพร้อมของฝ่ายสนับสนุน ตลอดจนระดับเศรษฐกิจหรือค่าใช้จ่ายของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นักศึกษา อาจารย์ และมหาวิทยาลัยที่จะสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ประเด็นสำคัญในขั้นนี้คือ ค่านิยมคุณภาพ ที่อาจมีความเห็นที่แตกต่าง เช่น ค่านิยมคุณภาพในด้านของความเป็นเลิศ (Excellence) หรือคุณภาพในด้านเพียงเพื่อการสนองได้ตรงตามความต้องการ (Fit to the Needs) ซึ่งต้องหาความพอดี หรือข้อตกลงระหว่างค่านิยมคุณภาพทั้งสองประการนี้ในบริบทของมหาวิทยาลัยราชภัฏให้ได้

3. ขั้นการเข้ารหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Encoded) เป็นขั้นที่เกิดรูปแบบนวัตกรรม ความคิดเชิงคุณภาพทางการสอน อาจเป็นกลุ่มของคำ วาทกรรม หรือเป็นภาษาคำพูดที่สามารถจดจำได้ง่าย อาจมีการสร้างสัญลักษณ์ (Symbol) หรือสัญรูป (Icon) เป็นตัวแทนของนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะสามารถจดจำนำไปใช้เป็นแนวทางของการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อาจจะอยู่ในรูปของ Apps สำหรับ Tablets และ Smart Phones ในขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กับขั้นของการถอดบทเรียน และเป็นผลของการที่ได้ถอดบทเรียนแล้ว การเข้ารหัสนวัตกรรมจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ผ่านขั้นตอนของการสรุปบทเรียนและ ถอดบทเรียนมาก่อน (Apps หมายถึง Application Software เป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับการใช้งานตามจุดประสงค์เฉพาะกับอุปกรณ์เฉพาะอย่าง)

4. ขั้นการถอดรหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Decoded) สำหรับนำไปใช้ในการสอน จะเห็นว่านวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพนั้นไม่ได้เป็นชุดการสอน บทเรียนสำเร็จรูป หรือมอดูลเพื่อนำไปใช้สอน แต่เป็น รูปแบบความคิดทางการสอนที่ต้องนำไปถอดรหัสก่อน อาจารย์มหาวิทยาลัยมีความสามารถทางการสอนอยู่แล้ว มีความเชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหา มีความเข้าใจบริบทของการเรียนการสอนในชั้นเรียนของตนอยู่แล้ว การมีรูปแบบนวัตกรรมการสอนเชิงความคิดไปใช้ด้วยการถอดรหัสตามบริบทและความถนัดของอาจารย์แต่ละท่าน อาจจะผ่านทาง Apps ต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจ กระตุ้นการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้เกิดขึ้น

5. ขั้นการเผยแพร่นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Diffusion) การเผยแพร่ให้เกิดการยอมรับนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ มีรูปแบบ วิธีการต่างๆ ทั้งกระบวนการทางบริหารและการสั่งการ ซึ่งผู้บริหารจะมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ด้วยวิธีการนี้ ทั้งในส่วนของการ สนับสนุนปัจจัยพื้นฐานของการใช้นวัตกรรม และรวมทั้งการกำหนดมาตรการต่างๆ ทางการบริหารจัดการเพื่อการส่งเสริมการใช้นวัตกรรม การได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารจึงมีความจำเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีกระบวนการทางสังคม และกระบวนการเผยแพร่ที่ใช้วิธีการเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อการเผยแพร่นวัตกรรม 

การถอดรหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Decoded) เป็นภารกิจที่ขึ้นอยู่กับสมรรถนะทางการสอน และความรับผิดชอบของอาจารย์ผู้สอน ซึ่งจะสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะการจะเผยแพร่นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนั้นต้องยอมรับความเป็นจริงว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยเชื่อมั่นในการสอนของตนเองมาก การหยิบยื่นนวัตกรรมการสอนสำเร็จรูปให้นอกจากจะไม่เหมาะสมแล้วยังไม่สอดคล้องกับบริบทในบทบาทของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกด้วย

การนำเสนอนวัตกรรมในรูปแบบ ความคิดเชิงคุณภาพของการสอน เพื่อให้อาจารย์นำไปถอดรหัสแล้วเลือกกระบวนการเรียนการสอนที่เหมาะสมแก่ตนเองจะเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก และยังนำไปสู่การวิจัยต่อยอดทางด้านการสอนได้อีกมากเช่นกัน ภารกิจที่สำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งสามแห่งที่เข้าร่วมโครงการ "นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ" คือ ต้องค้นหา หรือพัฒนานวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นให้ได้เสียก่อน ถึงแม้จะเป็นองค์ประกอบย่อย ระดับ Atomistic ขององค์รวมคุณภาพของการศึกษาระดับHolisticก็ตาม

การช่วยกันเริ่มต้นลงมือทำสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าองค์ประกอบย่อย (Atomistic) ให้ดีก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาขยายออกไปให้ใหญ่ขึ้นและกว้างขวางมากขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic)เป็นความคิดที่อยู่เบื้องหลังของโครงการนี้

อ้างอิง    :             รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์

                http://www.thairath.co.th/content/324340

ปฏิวัติวงการสื่อการเรียนการสอน ด้วยแนวคิด Learning Ecosystem - วิถีการเรียนรู้แบบครบวงจร


อักษรเจริญทัศน์ อจท. ปฏิวัติวงการสื่อการเรียนการสอนด้วยแนวคิด“Learning Ecosystem - วิถีการเรียนรู้แบบครบวงจรพร้อมเปิดตัว “Aksorn Twig – อักษร ทวิกนวัตกรรมการศึกษาออนไลน์ระดับโลก
อักษรเจริญทัศน์ อจท. ผู้นำด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนครบวงจร โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อจท. ได้ใช้นวัตกรรมความรู้และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนและผู้สอน อาทิ การออกแบบคู่มือครูและแผนการเรียนรู้เพื่อช่วยครูในการเตรียมการเรียนการสอนในชั้นเรียน, การเป็นผู้นำในการออกแบบหนังสือเรียนในรูปแบบพิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม หรือการนำภาพ infographic เข้ามาประกอบในบทเรียนเพื่อสร้างความน่าสนใจและทักษะการคิดวิเคราะห์ให้กับผู้เรียน เป็นต้น และสำหรับ “Learning Ecosystem - วิถีการเรียนรู้แบบครบวงจรถือเป็นการปฏิวัติวงการสื่อการเรียนการสอนอีกครั้งโดยการบูรณาการองค์ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและแรงบันดาลใจในการเรียนรู้อย่างสูงสุดผ่านสื่อการเรียนการสอนต่างๆ อาทิ คู่มือครู, หนังสือเรียน, สื่อหนังสือเสริมความรู้อิงหลักสูตร, สื่อวีดีโอ, สื่อดิจิตอล และสื่ออินเตอร์แอคทีฟ อื่นๆ อันจะนำไปสู่ระบบการเรียนรู้ที่เสริมสร้างทักษะสำหรับเด็กไทยรุ่นใหม่ที่ต้องพร้อมสำหรับสนามแข่งขันระดับโลก และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมการเรียนรู้ อักษรเจริญทัศน์ อจท. ได้เปิดตัว อักษร ทวิก” (Aksorn Twig) ภาพยนตร์สารคดีสั้นเพื่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ออนไลน์จาก ทวิก เวิลด์” (Twig World) ผู้นำด้าน การผลิตภาพยนตร์สารคดีสั้นและสื่อการเรียนการสอนแห่งประเทศสหราชอาณาจักร เป็นสื่อการเรียนรู้แห่งโลกยุคดิจิทัล ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนศึกษาครบทุกมิติโดยมีรูปแบบเป็นภาพยนตร์สารคดีสั้นความยาวสามนาทีสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่ออธิบายบทเรียนที่มีเนื้อหาซับซ้อนให้เข้าใจง่ายในรูปแบบที่น่าสนใจ ภาพยนตร์สารคดีกว่า 2,000 เรื่องของ อักษร ทวิกที่ครอบคลุมสาระการเรียนรู้ทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสังคมศึกษา พัฒนาขึ้นภายใต้คำแนะนำจากคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิเช่น มหาวิทยาลัย อ็อกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ รวมทั้งผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ชั้นเยี่ยม ซึ่งตลอดกระบวนการผลิต ได้มีการตรวจสอบ และประเมินเนื้อหาทั้งหมด โดยครูผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาจากโรงเรียนระดับแนวหน้าของอังกฤษก่อนที่จะนำเสนอบน เว็บไซต์
ภาพยนตร์สารคดีทุกเรื่องผลิตขึ้นจากสารคดีชั้นเยี่ยมของโลก อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์บีบีซี องค์การนาซ่า สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค เป็นต้น ซึ่งแต่ละภาพยนตร์สารคดีสั้นยังประกอบด้วยบทสรุปสาระสำคัญ ข้อเท็จจริงน่ารู้ คลิปวีดีโออธิบายศัพท์สำคัญบทบรรยาย ตลอดจนแบบฝึกหัดทั้งระดับทั่วไปและขั้นสูง เพื่อตอกย้ำความเข้าใจและความแม่นยำในเนื้อหาสาระของผู้เรียน ด้วยการนำเสนอที่กระชับเข้าใจง่าย และมีระบบที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถคว้ารางวัลด้านสื่อการเรียนการสอนชั้นนำของโลกมากมาย อาทิเช่น เบ็ต อะวอร์ (BETT Award) ทีชเชอร์ส ช้อยส์ อะวอร์ด (Teacher’s Choice Award) เอ็ดดูเคชั่น รีซอร์ส อะวอร์ด (Education Resource Award) เป็นต้น โดยปัจจุบัน ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 13 ภาษาและเผยแพร่ใน 35 ประเทศทั่วโลก
คุณตะวัน เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการศึกษาอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทางบริษัทฯได้นำสื่อการเรียนการสอนในรูปของภาพยนตร์สารคดีสั้นทวิกมาดำเนินการแปลและเรียบเรียง พร้อมพากย์เสียงในฉบับภาษาไทยโดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชานั้นๆ และนำเสนอในนาม อักษร ทวิกด้วยคุณภาพของภาพยนตร์สารคดีสั้นและวิธีการนำเสนอที่ดีเยี่ยม อักษร ทวิกจะทำหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพภายใต้แนวคิด “Learning Ecosystem - วิถีการเรียนรู้แบบครบวงจรสำหรับครูและนักเรียนทั้งในและนอกห้องเรียน ทำให้นักเรียนเข้าใจหลักการสำคัญของวิชาต่างๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ได้อย่างสัมฤทธิผล

อ้างอิง :  http://www.newswit.com/gen/2013-10-29/8812273070a252f7f98030430c1f5622/

นวัตกรรมและเทคนิควิธีการทางการศึกษา

นวัตกรรมและเทคนิควิธีการทางการศึกษา
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์

 

การนำเทคโนโลยีในรูปของเครื่องมือและเทคนิควิธีการ (Techniques) หรือ กระบวนการ (Processes) ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านการบริหารจัดการทางการศึกษาเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการใช้เพื่อการเรียนการสอนเท่านั้น เครื่องมือและเทคนิควิธีการ หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการบริหารจัดการทางด้านการศึกษา หรือการสร้างสถานการณ์ของการเรียนการสอนที่ต่างไปจากปัจจุบันที่กระทำอยู่เป็นปกติวิสัยเรียกได้ว่าเป็น "Education Innovation" หรือ "นวัตกรรมทางการศึกษา" และในการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพ (Quality Improvement Plan) หรือ QI Plan สำหรับสถานศึกษาจึงควรนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้
นักการศึกษาไทยในอดีตได้แปลคำว่า Innovation เป็นภาษาไทยแตกต่างกัน เช่น แปลว่า "นวกรรม" และ "นวัตกรรม" เป็นต้น ทั้งนี้หมายถึง "Innovation" ในภาษาอังกฤษนั่นเอง ในปัจจุบันคำแปลเป็นภาษาไทยได้กำหนดเป็นที่ยอมรับแล้วให้ใช้คำว่า "นวัตกรรม " การกำหนดว่าอะไรเป็น "นวัตกรรม" นั้นมีหลักในการพิจารณาได้ดังนี้
1. เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ว่าจะเป็นรูปของการใช้เครื่องมือหรือ Mediaware ร่วมกับเทคนิควิธี (Techniques) หรือ เฉพาะเทคนิควิธีอย่างเดียวในการจัดสถานการณ์การเรียนการสอน ถือได้ว่าเป็น Educational Innovation อย่างหนึ่ง
2. เป็นสิ่งสำคัญที่มีอยู่แล้วแต่มิได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษามาก่อน แต่ต่อมาได้นำมาใช้ทางการศึกษาถือว่าเป็น Educational Innovation เช่นกัน
3. เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว และเคยนำมาใช้ทางการศึกษาแล้วไม่ได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง ได้นำกลับมาใช้อีกครั้งในเงื่อนไขและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ก็ถือว่าเป็น Educational Innovation
4. เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วและใช้อยู่อย่างได้ผลดีในสังคมอื่น หรือประเทศอื่น แล้วนำมาใช้ในอีกสังคมหนึ่งหรืออีกประเทศหนึ่ง ถือว่าเป็น Educational Innovation
5. เป็นการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบของเทคนิควิธีที่มีอยู่หรือสื่อที่มีอยู่ในลักษณะต่างจากต้นแบบเพื่อใช้ในการศึกษาให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี ก็ถือว่าเป็น Educational Innovation อีกเช่นกัน จากหลักเกณฑ์ข้างต้นสามารถวิเคราะห์ได้ว่า Educational Innovation ส่วนมากเป็นการนำของเดิมที่มีอยู่แล้วนำมาใช้อย่างเหมาะสมให้มีประสิทธิภาพทางการศึกษา สำหรับการคิดสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งในรูปแบบของวิธีการและเครื่องมือเป็นการส่งเสริมให้มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ซึ่งไม่สามารถจะสร้างให้เกิดขึ้นได้ทุกคน ในสภาพการณ์ปัจจุบันทั้งเครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในการสอนหรือฝึกคน มีมากเพียงพอกับความต้องการ สิ่งที่ขาดคือความสามารถในวิธีการใช้เครื่องมือและวิธีการที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และคุ้มค่ากับการลงทุน และในการพิจารณาถึงนวัตกรรมมักมองถึงสิ่งที่เป็นเครื่องมือหรือวัตถุเป็นสำคัญ โดยมักจะมองข้ามเทคนิควิธีการหรือกระบวนการไป ซึ่งเทคนิควิธีการหรือกระบวนการนั้นก็เป็นนวัตกรรมที่มีคุณค่าได้เช่นกัน ซึ่งอาจไม่ต้องใช้เงินลงทุนในการนำมาใช้เลยก็ได้
นวัตกรรมกับเทคนิควิธี
นวัตกรรม (Innovation) และ เทคนิควิธีการ (Techniques) หรือ กระบวนการ (Processes) มีความสัมพันธ์กันมาก ในการศึกษาวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษาจะเป็นการศึกษาเรื่องของการใช้วัสดุ (Software) อุปกรณ์ (Hardware) ซึ่งมีลักษณะเป็นการใช้เครื่องมือ หรือ Mediaware และรวมถึงการใช้เทคนิควิธีการ (Techniques) ต่าง ๆ ที่จะทำให้การทำงานบรรลุจุดมุ่งหมาย นวัตกรรมการศึกษาเป็นการนำเอาเทคนิควิธีการ และเครื่องมือ หรือ Mediaware ที่มีอยู่และสร้างขึ้นใหม่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษา และเทคนิควิธีการที่เป็นกระบวนการ หรือระบบการสอนซึ่งมีพื้นฐานทางด้านหลักการและทฤษฎีทางการเรียนรู้ วิธีการเชิงระบบ และการสื่อสาร เพื่องานการศึกษา ซึ่งมีทั้งการเรียนการสอน การบริหารจัดการ ลักษณะหนึ่งของนวัตกรรมทางการศึกษานั้น ต้องมีความทันสมัยอยู่เสมอ นวัตกรรมทางการศึกษาเมื่อ 5-10 ปี ที่ผ่านมาอาจไม่ใช่นวัตกรรมทางการศึกษาในปัจจุบันก็ได้ เนื่องจากเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้นวัตกรรมที่เป็นของใหม่ในช่วงเวลาหนึ่งกลายเป็นของเก่าในอีกช่วงเวลาหนึ่งและจะแปรสภาพไป
คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
นวัตกรรมทางการศึกษาในปัจจุบันส่วนมากเป็นการนำเอา Computer เข้ามามีส่วนในการเรียนการสอน การบริหารและการจัดการ (Computer-assisted Instruction หรือ CAI และ Computer-managed Instruction หรือ CMI) ในทางการศึกษา Computer นอกจากได้นำมาเป็นเนื้อหาวิชาในการเรียนการสอนเกี่ยวกับตัว Computer เองแล้วยังได้นำมาใช้ในฐานะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง เช่น นำมาใช้ช่วยการสอน (CAI) ได้แก่บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และนำมาใช้ในการบริหารและการจัดการ (CMI) ได้แก่ การทำกำหนดการและตารางเรียน ใช้บันทึกข้อมูลและตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว ในการจัดทำงบประมาณ ใช้ในการผลิตเอกสาร และใช้ในการวางแผนและออกแบบการสอนที่ต้องใช้ Computer มีส่วนร่วม หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานของการสอน (Computer-based Instruction) เช่น สื่อประสม (Multimedia) หรือ E-learning และ Web-based Instruction รวมทั้ง Computer-assisted Learning (CML) และ Computer-managed Learning (CML) เป็นต้น การนำเอา Computer มาใช้ในการศึกษาจะเหมือนกับนวัตกรรมประเภทอื่น ๆ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ Computer ได้รับการปรับปรุงหรือดัดแปลง ทดสอบ ทดลอง จนได้ผลและนำมาใช้จนเป็นปกติวิสัยแล้ว Computer จะไม่ใช่นวัตกรรมอีกต่อไปแต่จะกลายเป็นเทคโนโลยี
นวัตกรรมกับเทคโนโลยี
ฉะนั้น เมื่อนวัตกรรมถูกใช้จนเป็นปกติวิสัยแล้วจะกลายเป็นเทคโนโลยีไปอีก และจะเป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ ไป ในวงการของการศึกษาและอุตสาหกรรม รวมทั้งวงการอื่น ๆ จึงมักจะใช้คำว่า Innovation ควบคู่ไปกับ Technology การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าไปใช้ในสถานศึกษาส่วนมากจะเริ่มจากการนำไปใช้ในสำนักงานเพื่อการบริหารจัดการให้มีความเข้มแข็งก่อน แล้วจึงสามารถสร้างระบบงานและการใช้เทคโนโลยีไปสู่ชั้นเรียนหรือกระบวนการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีในสำนักงานของสถานศึกษาและการใช้เทคนิควิธีหรือกระบวนการใหม่ ๆ ในการทำงานเป็นนวัตกรรมของระบบการศึกษาทั้งสิ้น นวัตกรรมเหล่านั้นอาจมีทั้งผลดีและสร้างผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกเช่นกัน
กระบวนการของการเผยแพร่และยอมรับนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้เพื่อการศึกษา จึงเป็นศาสตร์ที่สำคัญอีกแขนงหนึ่งสำหรับนักเทคโนโลยีการศึกษาที่ต้องทำความเข้าใจในกระบวนการของการเผยแพร่และการยอมรับนวัตกรรมสำหรับการศึกษา ศาสตร์ดังกล่าวมีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรระดับปริญาเอก หรือ Ph.D. (Technical Education Technology) หรือ ป.ร.ด. (เทคโนโลยีเทคนิคศึกษา) ภาควิชาครุศาสตร์เทคโนโลยี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และในหลักสูตรของสถานศึกษาบางแห่ง

การพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การนำนวัตกรรมมาใช้ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีทั้งประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) ในการทำงานอันนำไปสู่คุณภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม (Quality Improvement)ประสิทธิภาพหมายถึง การทำงานได้ถูกต้องตามระบบ หรือตามกระบวนการอย่างประหยัด ภายใต้สภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่กำหนดไว้อย่างพอดี ส่วนประสิทธิผลหมายถึง การทำงานให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วน และคุณภาพหมายถึง ความเป็นเลิศ (Excellent) หรือพอดีกับความต้องการ (Fit to the Needs) ซึ่งต้องประกอบด้วยทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ถ้าขาดอย่างหนึ่งอย่างใดจะถือว่าการทำงานนั้นไม่มีคุณภาพ
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพ หรือ Quality Improvement Plan (QI Plan) จึงควรให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาใช้กับงานด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพ และนวัตกรรมที่ควรนำมาใช้นั้นควรจะเป็นนวัตกรรมที่อยู่ในรูปแบบของเทคนิควิธีการ หรือ กระบวนการ มากกว่าที่จะเป็นในรูปแบบของเครื่องมือ หรือวัตถุ เพราะนอกจากจะต้องใช้เงินลงทุนมาก หรือเสียดุลการค้าเพราะต้องซื้อจากต่างประเทศแล้ว ยังต้องใช้เวลาสำหรับการปรับปรุง เรียนรู้ให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและสร้างการยอมรับอีกด้วย แต่ถ้าเป็นนวัตกรรมในรูปแบบของเทคนิควิธีหรือกระบวนการนั้น สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ภายใต้บริบทของสังคมไทย หรือสถานศึกษาในแต่ละแห่งได้ นอกจากนั้นอาจไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากเหมือนกับการใช้นวัตกรรมในรูปของเครื่องมือ หรือวัตถุ ดังนั้นในการวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือ QI Plan จึงควรหันมาให้ความสนใจกับนวัตกรรมในรูปของเทคนิควิธีการ หรือกระบวนการดูบ้าง

อ้างอิง : รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์
http://www.thairath.co.th/content/125165


วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Goal Line Technology ช่วยตัดสินการยิงประตูใน FIFA World Cup 2014

Goal Line Technology ช่วยตัดสินการยิงประตูใน FIFA World Cup 2014



goal line techbology


ภาพ :  http://www.bananaip.com/sinapse-blog/2014/06/goal-line-technology-finally-kicked.html 

FIFA ได้เลือกบริษัทสัญชาติเยอรมันชื่อ Goal Control ผู้เป็นเจ้าของโกลไลน์เ ทคโนโลยี (Goal Line Technology)  เทคโนโลยีที่ใช้ตรวจสอบผลการยิงประตูที่จะนำมาใช้ใน FIFA World Cup 2014 ที่บราซิลในครั้งนี้ โดยมีการใช้กล้องวิดีโอความเร็วสูง 14 ตัวประจำในตำแหน่งต่างๆเพื่อใช้ในระบบนี้ โดยจะใช้ในสนามแข่งขันทั้งหมด 6 สนาม กล้องแต่ละตัวจะถูกนำขึ้นไปติดอยู่บนทางเดินสูงเหนือที่นั่ง ติดตั้งเข้ากับตำแหน่งที่กำหนด จัดโฟกัสของกล้องให้อยู่ในตำแหน่งประตู หลังจากนั้นก็เดินสายเคเบิลเพื่อเชื่อมต่อกล้องทั้งหมดเข้ากับคอมพิวเตอร์ โดยใช้ mainframe ในการคำนวณข้อมูลทั้งหมดที่ผ่านเข้ามา คอมพิวเตอร์ถูกนำเข้ามาเชื่อมต่อกับระบบเพื่อให้เชื่อมต่อกับกล้องแต่ละตัวได้อย่างง่ายดาย  ในสนามแต่ละแห่งนั้น ต้องใช้เวลา 3-5 วันในการติดตั้งและตรวจสอบระบบ รวมไปถึงการติดตั้งกล้อง เดินสาย จัดตำแหน่งกล้อง เพื่อให้ได้ระบบที่สมบูรณ์แบบ  คอมพิวเตอร์จะเก็บภาพทั้งหมดกว่า 500 ภาพต่อวินาที และมีการคำนวณตรีโกณมิติเพื่อหาตำแหน่งของลูกบอลแบบเรียลไทม์ และเมื่อคอมพิวเตอร์คำนวณและพบว่าลูกบอลได้ผ่านเส้นประตูเข้าไปแล้ว มันจะส่งสัญญาณการทำประตูไปยังผู้ตัดสิน ผู้คุมเส้นที่ข้างสนาม และผู้ตัดสินทั้งหมดที่อยู่ในสนามภายในเวลาเพียง 1 วินาทีหลังจากลูกบอลผ่านเส้นประตู ข้อความยืนยันการทำประตูนี้ จะถูกส่งต่อไปยังนาฬิกาของผู้ตัดสินในสนามอีกครั้งในรูปแบบของการสั่นและภาพสัญญาณ เพื่อความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจะเข้าใจและมั่นใจในเทคโนโลยีนี้ มีการเชิญผู้ตัดสินทั้งหมดมาเพื่อรับฟังการอธิบายอย่างละเอียด รวมถึงการฝึกภาคสนามในการใช้งานระบบนี้ ฟังชั่นการทำงานมาตรฐาน ความถูกต้องแม่นยำ และการตรวจสอบของผู้ตัดสินนั้นเป็นส่วนสำคัญของการฝึกนี้  ระบบนี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อทดแทนใคร มันไม่ใช่แค่การใช้วิดีโอ ไม่ได้ใช้การบันทึกภาพ แต่ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้ผู้ตัดสินมั่นใจว่าจะตัดสินว่าลูกบอลผ่านหรือไม่ผ่านเส้นประตู และนี่เป็นบริการสำหรับผู้ตัดสิน ไม่มีอะไรอื่น


แหล่งที่มา :http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/general_knowledge/18916
โรงเรียนนอกกะลานวัตกรรมการศึกษารูปแบบใหม่ – ฉลาดทันกาล
การศึกษาถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศ เพราะการศึกษาจะทำให้พลเมืองมีความรู้ความสามารถก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่ตนเองและประเทศชาติได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงซึ่งที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะการคิดค้นนวัตกรรมทางการศึกษารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า การจัดการเรียนการสอนในโปรแกรมแบบ Problem Based Learning (PBL) ซึ่งการเรียนการสอนวิธีนี้ค่อนข้างท้าทาย เพราะใครจะเชื่อว่าการศึกษาจากนี้ต่อไปจะต้องเน้นทักษะซึ่งไม่เหมือนเดิม เพราะโลกแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ปีหน้าจะมีเด็กจำนวนหนึ่งถึงหลายล้านคน จะต้องใช้วัสดุหนึ่งในการเรียน เราเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ เราต่างหากที่มีทักษะไม่เท่าทันที่จะอำนวยการ       ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ เป็นเรื่องท้าทายมาก ตัว Problem Based Learning เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดของแต่ละโรงเรียน มันคือรูปแบบของการเรียนรู้ที่จะพัฒนาทักษะใหม่ซึ่งจำเป็นในอนาคต เป็นความคิดให้เราเปลี่ยนแปลงวิธีการสอนไปจากกรอบเดิม
ครูวิเชียร ไชยบัง ครูใหญ่ รร.ลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ อธิบายว่า โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนามีเจตนารมณ์ในการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาเพื่อเป็นแบบอย่าง ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และเพื่อให้เด็กในชนบทมีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่ากับเด็กในเมืองเพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาสร้างห้องเรียนแบบหกเหลี่ยมให้เด็ก ๆ นั่งล้อมวงเรียนในห้อง ไม่มีเด็กหน้าห้องหลังห้อง ชุดนักเรียนสีสันสวยงามเป็นลวดลายของท้องถิ่นและทอจากฝีมือชาวบ้าน ทุกเช้าเด็กและครูต้องกอดกัน มีการทำกิจกรรมพัฒนาคลื่นสมอง สร้างความผ่อนคลายและอารมณ์ที่ดีกับเด็กก่อนเข้าเรียน ส่วนนวัตกรรมสำคัญที่โรงเรียนเลือกใช้ในการพัฒนา คือ ให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุขด้วยวิชาจิตศึกษาที่เน้นให้เด็กรู้คุณค่าของตัวเองและผู้อื่นเพื่อก้าวสู่ความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงที่ดูแลชีวิตจิตใจ สำหรับการพัฒนาหลักสูตร และการสอนโรงเรียนแห่งนี้ จัดการเรียนรู้ของสมอง(Brain Based Learning : BBL) และจัดทำหลักสูตรของโรงเรียนเป็นหน่วยบูรณาการ โดยร้อยเรียงองค์ความรู้ในหน่วยการเรียนในรูปแบบการสอนแบบสตอรี่ไลน์ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการพัฒนาทักษะการคิดในแต่ละด้าน จัดให้มีการเรียนรู้เน้นโครงงาน และขั้นตอนการจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนต้องนำเสนอโครงงาน ที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าอิสระตามความสนใจของตนเอง 1 เรื่อง เหมือน กับวิทยานิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา
นวัตกรรมชิ้นนี้มีโรงเรียนหลายร้อยโรงได้มาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพราะถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ เพราะมีตัวชี้วัดจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้มาประเมินโรงเรียนแล้วพบว่า อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 13 มาตรฐาน และอยู่ในเกณฑ์ดี 1 มาตรฐาน ผลการสอบเอ็นที (National Test) พบว่าคะแนนเฉลี่ยด้านภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยา ศาสตร์สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ ทั้งที่โรงเรียนไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวิชาวิทยาศาสตร์ ที่บอกว่าทำไมถึงเป็นโรงเรียนนอกกะลา เพราะผมต้องการให้ครูและนักเรียนทุกคนได้คิดนอกกรอบไม่ทำอะไรซ้ำแบบเดิม ๆ ที่โรงเรียนอื่นเขาทำ เหมือนปลดพันธนาการออกจากโรงเรียนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมที่ผมคิดค้นขึ้นโรงเรียนอื่นสามารถนำเอาไปใช้ในการเรียนรู้และปรับแนวคิดนี้ได้ทาง www.lpmp.org เชื่อว่าจะปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนรูปแบบเดิมอย่างแน่นอนครูวิเชียร กล่าว และนี่คือผลผลิตที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการจะพัฒนาคนให้มีคุณภาพต้องใช้นวัตกรรมการศึกษารูปแบบนี้ ซึ่งโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา หรือโรงเรียนนอกกะลานี้เองจะเป็นตัวอย่างให้โรงเรียนอื่น ๆ ได้สร้างพลังรังสรรค์คนใหม่ที่มีคุณภาพให้กับโลกใบนี้.
ที่มา   :  http://www.dailynews.co.th/Content/IT/39490/


วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประวัติของข้าพเจ้า







ประวัติตนเอง

ชื่อ                                 นางสาวศุภรัตน์  ภู่ดอก

ที่อยู่                               จังหวัดนครศรีธรรมราช

ประวัติการศึกษา            ครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

อาชีพ                             รับราชการ